คดีผิดสัญญาก่อสร้าง
คดีก่อสร้าง
การจ้างก่อสร้าง ถือเป็นสัญญาจ้างทำของชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่สัญญาไม่มีแบบ หมายความว่า ไม่ต้องทำหนังสือสัญญาว่าจ้างก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้
ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ คือ ก่อสร้างผิดแบบ ผู้รับเหมาทิ้งงาน
ปัญหาทางกฎหมาย
1. กรณีที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ผู้ว่าจ้างสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างได้ แม้ผู้รับจ้างไม่ได้ผิดสัญญา แต่ต้องเสียค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับจ้าง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 605
2. มีการก่อสร้างแล้วเสร็จบางงวดงาน ผู้รับเหมามีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างที่ค้างจ่ายได้ตามสัดส่วนงานนั้น ๆ
3. เมื่อมีการก่อสร้างชำรุดบกพร่อง ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเรียกร้องหรือฟ้องคดีผู้รับเหมา ภายในอายุความ 1 ปีนับแต่วันก่อสร้างเสร็จหรือรับมอบงานแล้ว
ปัญหาในทางปฏิบัติ ที่สำคัญ
1. ความกังวลของทางผู้ว่าจ้าง คือ การทิ้งงาน ความล่าช้า คุณภาพหรือแบบของงาน
ทางแก้ : การทิ้งงาน = มีการแบ่งงวดงานที่เหมาะสม งานเสร็จแล้วค่อยจ่ายเงิน
ความล่าช้า = กำหนดค่าปรับรายวันไว้ในสัญญา
คุณภาพงาน = การกำหนด BOQ ที่มีรายละเอียดสูง และการหักเงินประกันผลงาน หรือใช้ Bank Guarantee
2. การแบ่งจ่ายเงิน
2.1. งวดเเรก ประมาณ 10 % ของค่าจ้างทั้งหมด
2.2. ส่วนงวดสุดท้าย ไว้เป็นค่าการประกันการทิ้งงานและรับประกันผลงาน (ภายใน 1 ปี นับแต่วันส่งมอบ) ซึ่งควรมีการหักประกันผลงานของเเต่ละงวดงานด้วย
3. การตรวจรับมอบงาน ควรให้วิศวกรผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจรับมอบ ป้องกันการปกปิดความชำรุดบกพร่องจากผู้รับเหมาะ
กรณี ผู้รับจ้างเรียกร้องค่าจ้าง
1. หากงานที่ตกลงจ้างยังทำไม่แล้วเสร็จ ผู้ว่าจ้างอาจบอกเลิกสัญญาได้ แต่ต้องเสียค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับจ้างตามส่วนของงาน
2. การใช้สิทธิเรียกร้องให้ผู้ว่าจ้างชำระค่าจ้างนี้ ถือว่าผู้รับจ้างเป็นผู้ประกอบการการค้า จึงต้องใช้สิทธิเรียกร้องภายใน 2 ปีนับแต่วันส่งมอบงานงวดสุดท้าย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34(1)
3. หากคดีที่มีข้อพิพาทระหว่างเอกชนกับหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับสัญญาจ้างก่อสร้างสิ่งต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสาธารณูปโภค จึงเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ผู้รับจ้างต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง
4. ในส่วนเงินประกันผลงาน ผู้รับจ้างสามารถเรียกร้องได้ภายในอายุความ 10 ปี นับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาประกันผลงาน
กรณี ผู้ว่าจ้างเรียกร้อง เหตุเนื่องจากงานบกพร่อง / ทิ้งงาน / ล่าช้า / ไม่ทำตามแบบ
1. หากสัญญามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบ เพื่อการชำรุดบกพร่องที่ปรากฎภายใน 1 ปีนับแต่วันส่งมอบ หรือที่ปรากฎภายใน 5 ปี ถ้าการที่ทำนั้นเป็นสิ่งปลูกสร้างติดกับพื้นดิน นอกจากโรงเรือนทำด้วยไม้ เว้นแต่ผู้รับจ้างจะปิดบังความชำรุดบกพร่อง
อย่างไรก็ตามผู้ว่าจ้างต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ความชำรุดปรากฎขึ้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 600
ถ้าผู้รับจ้างก่อสร้างอาคารส่งมอบอาคารซึ่งมีความชำรุดบกพร่อง ผู้ว่าจ้างชอบที่จะยึดหน่วงค่าจ้างไว้จนกว่าผู้รับจ้างจะแก้ไขความบกพร่องนั้นให้ดีและเสร็จสิ้น เว้นแต่ผู้รับจ้างจะจัดหาประกันให้ตามสมควร แต่หากไม่ปรากฎความชำรุดบกพร่องแล้ว ผู้ว่าจ้างก็ต้องชำระค่าจ้างในส่วนนี้แก่ผู้รับจ้าง หากยึดหน่วงไว้ย่อมถือได้ว่าผิดนัดชำระหนี้ และต้องรับผิดชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับแต่วันผิดนัด
หากส่งมอบงานแล้ว ปรากฎความชำรุดบกพร่อง ผู้ว่าจ้างสามารถเรียก
2. ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเรียกค่าเงินจ้างคืน กรณีผู้รับจ้างทิ้งงาน
3. เรียกค่าปรับกรณีล่าช้า
4. ค่าขาดประโยชน์จากการใช้ทรัพย์ เนื่องจากการผิดสัญญาของผู้รับจ้าง
5. ค่าขาดประโยชน์ทางการค้า (ก่อสร้างทางธุรกิจการค้า)
6. ค่าเสียหายจากผู้รับเหมารายใหม่ กรณีผู้รับเหมาเดิมละทิ้งงาน หรือไม่ก่อสร้างตามแบบ เพราะผู้รับเหมารายใหม่จะต้องแก้ไขซ่อมแซ่มรื้อถอน
ประเภทคดี / ค่าขึ้นศาล
: กรณีผู้ว่าจ้างฟ้องผู้รับเหมา เป็นคดีผู้บริโภค - ค่าขึ้นศาล ฟรี
: กรณีผู้รับเหมาฟ้องเรียกเงินค่าจ้าง เป็นคดีผู้บริโภค - ค่าขึ้นศาล 2% ของทุนทรัพย์ ถ้าไม่เกิน 300,000 บาท เสีย 1,000
อายุความ
: ผู้รับจ้างฟ้องผู้ว่าจ้าง เรียกเอาค่าจ้าง มีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34(1)
: ผู้ว่าจ้างฟ้องให้ผู้รับจ้างรับผิดในความชำรุดบกพร่อง มีอายุความ 1 ปี นับแต่วันที่เห็นความชำรุดบกพร่อง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 601
เขตอำนาจศาล
1. ผู้รับจ้างฟ้องผู้ว่าจ้าง - เฉพาะภูมิลำเนาของผู้ว่าจ้าง
2. ผู้ว่าจ้างฟ้องผู้รับจ้าง - สถานที่ก่อสร้างหรือภูมิลำเนาของผู้รับจ้าง
เอกสารประกอบคำฟ้อง
1. สัญญาจ้างก่อสร้าง / ใบเสนอราคา
2. แบบรายการก่อสร้าง BOQ
3. รายงานประเมินผลงาน BOM
4. แบบแปลนก่อสร้าง
5. หลักฐานการชำระค่าจ้าง / ใบเสร็จรับเงิน
6. บันทึกรายการผลการดำเนินการ / ส่งมอบงาน
7. ภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอ ความชำรุดบกพร่อง / เหตุการณ์ต่างๆ
8. รายงานการตรวจสอบของวิศวกร
9. หนังสือบอกกล่าว / บอกเลิกสัญญา
10. ข้อมูลทางวิชาการ
11. ข้อมูลการแชทไลน์
12. หนังสือโต้ตอบ
ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกา ที่น่าสนใจ
ประเด็น : ส่งงานล่าช้า ผู้ว่าจ้างมีสิทธิปรับตามเวลาที่ล่วงเลย โดยวิธีหักจากค่าจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2543
แม้มีเหตุจะเป็นอุปสรรคในการทำการก่อสร้างของโจทก์อยู่บ้าง แต่โจทก์ยังสามารถทำการก่อสร้างในส่วนอื่นได้ และต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันโดยจำเลยผ่อนผันยืดเวลาทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จออกไปอีก และกำหนดไว้ในข้อ 3 ว่าความรับผิดชอบส่งมอบงานล่าช้ากว่าวันแล้วเสร็จเดิมเป็นต้นไป โจทก์ยอมให้จำเลยปรับโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น จำเลยจึงมีสิทธิปรับโจทก์ได้ตามสัญญา
โจทก์ผิดสัญญาก่อสร้างอาคารโดยส่งมอบให้จำเลยล่าช้ากว่ากำหนดจำเลยจึงปรับโจทก์ตามสัญญา โดยหักเงินค่าปรับไว้จากค่าจ้าง เมื่อศาลพิพากษาลดค่าปรับลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง ให้จำเลยคืนค่าปรับบางส่วนให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิได้ดอกเบี้ยจากเงินค่าปรับที่ได้รับคืนนั้น เพราะการที่จำเลยหักค่าปรับไว้เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาจ้าง
ปรึกษาทนายเรื่องผิดสัญญาก่อสร้างโทร 0838843287