ทนายคดีฉ้อโกง
คดีฉ้อโกง คืออะไร
ฉ้อโกง คือ การหลอกลวงเพื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นไปโดยผู้กระทำมีเจตนาทุจริต แสดงการฉ้อโกงว่าต้องมีการหลอกลวง เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพสินของผู้อื่น และจะต้องหลอกลวงตั้งแต่เริ่มต้น การหลอกลวง ต้องหลอกข้อเท็จจริงในปัจจุบัน เช่น หลอกไปลงทุนแล้วไม่มีบริษัทอยู่จริง
ดังนั้น การกู้ยืมเงินแล้วไม่ชำระหนี้ไม่ใช่ฉ้อโกง ให้ร่วมลงทุนแล้วขาดทุนหมดไม่ใช่ฉ้อโกง
ความผิดฐานฉ้อโกงได้แก่
1 ความผิดฐานฉ้อโกงทั่วไป ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 341
2 ฉ้อโกงประชาชน คือ หลอกลวงคนทั่วไป ไม่เจาะจง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
3 ฉ้อโกงแรงงาน คือ หลอกลวงคนตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เขาทำงานให้
4 ฉ้อโกงค่าอาหารหรือเข้าพักโรงแรม โดยรู้ว่าไม่มีเงินจ่าย
5 ฉ้อโกงประกันภัย
6 โกงเจ้าหนี้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 และ มาตรา 350
7 ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น มาตรา 342
8 ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เช่น พวกแชร์ลูกโซ่
แชร์ FOREX( หลอกลงทุน ไม่ได้ลงทุนจริง ) แต่ถ้าเป็นการลงทุนใน FOREX ไม่มีความผิดแต่อย่างไร
***** ความผิดฐานฉ้อโกง เป็นความผิดอันยอมความกันได้ เว้นแต่ ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และ พระราชกำหนด การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ดังนั้นความผิดที่ยอมความกันได้ ย่อมเจรจา ไกล่เกลี่ย กันได้ทุกชั้นศาล
ตัวบทกฎหมายอันเกี่ยวกับความผิดคดีฉ้อโกง
มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 342 ถ้าในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ผู้กระทำ
(๑) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ
(๒) อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 343 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๓๔๑ ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา ๓๔๒ อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท
มาตรา 344 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงบุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปให้ประกอบการงานอย่างใด ๆ ให้แก่ตนหรือให้แก่บุคคลที่สาม โดยจะไม่ใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างแก่บุคคลเหล่านั้น หรือโดยจะใช้ค่าแรงงานหรือค่าจ้างแก่บุคคลเหล่านั้นต่ำกว่าที่ตกลงกัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 345 ผู้ใดสั่งซื้อและบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือเข้าอยู่ในโรงแรม โดยรู้ว่าตนไม่สามารถชำระเงินค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม หรือค่าอยู่ในโรงแรมนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 346 ผู้ใดเพื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ชักจูงผู้หนึ่งผู้ใดให้จำหน่ายโดยเสียเปรียบซึ่งทรัพย์สิน โดยอาศัยเหตุที่ผู้ถูกชักจูงมีจิตอ่อนแอ หรือเป็นเด็กเบาปัญญา และไม่สามารถเข้าใจตามควรซึ่งสาระสำคัญแห่งการกระทำของตน จนผู้ถูกชักจูงจำหน่ายซึ่งทรัพย์สินนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 347 ผู้ใดเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการประกันวินาศภัย แกล้งทำให้เกิดเสียหายแก่ทรัพย์สินอันเป็นวัตถุที่เอาประกันภัย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 348ความผิดในหมวดนี้ นอกจากความผิดตามมาตรา ๓๔๓ เป็นความผิดอันยอมความได้
คำพิพากษาคดีฉ้อโกง
การหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือยืนยันข้อเท็จจริงอันบิดเบือนไป การกล่าว จากที่เป็นอยู่ในขณะที่แสดง ซึ่งจะต้องเป็น ข้อเท็จจริงในอดีตหรือในปัจจุบัน ดังนั้น ข้อเท็จจริงอันเป็นการคาดคะเนหรือทำนายเหตุการณ์ ในอนาคตจึงไม่อาจเป็นข้อความเท็จได้
ฎีกา ปี 2532 จำเลยตกลงจะขายข้าวโพดให้ผู ้เสียหายโดยผู้เสียหายจ่ายเงินค่า ข้าวโพดให้จำเลยล่วงหน้าบางส่วน ครันผู้เสียหายไปขอรับมอบปรากฏว่าข้าวโพดได้หายไปจาก เดิมเกือบครึ่งหนึ่ง จ าเลยบอกว่าไม่ขายข้าวโพดให้ผู้เสียหายและไม่ยอมให้นาข้าวโพดไป ผู้เสียหายทวงเงินคืนจ าเลยบอกว่าไม่มีเงินคืนให้ เช่นนี้เป็นเรื่องที่จำเลยจะขายข้าวโพดให้ผู้เสียหายแล้วเปลี่ยนใจไม่ยอมขายขาวโพดทมอยจรงในขณะเจรจาซอขายตกลงกัน จึง เป็นกรณีที่จำเลยประพฤติผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
ฎีกาที่ 124/2535 จำเลยตกลงขายไม้ยางท่อนซุงและรับเงินค่าไม้จากผู ้สียหายโดย เจตนาขายไม้ยางท่อนซุงที่ได้ตกลงซื้อไว้ แต่จำเลยไม่สามารถจัดส่งได้เพราะทางราชการไม่ อนุญาตให้ทำไม้ดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่ใช่ฉ้อโกง
ผิดสัญญากับฉ้อโกงต่างกันตรงไหน
1 ฉ้อโกงต้องเจตนาหลอกลวงแต่แรกเพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สิน เช่น หลอกลงทุนแต่ธุรกิจนั้นไม่มีอยู่จริง แต่ผิดสัญญานั้นเป็นเรื่องไม่ทำตามสัญญาในภายหลัง เช่น การกู้เงินแล้วไม่ชำระหนี้ตามสัญญาเงินกู้
2 ฉ้อโกงต้องด้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวง แต่ผิดสัญญาอาจได้ไปซึ่ง บริการ หรือแรงงาน เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทรัพย์สินก็ได้
3 ฉ้อโกงเป็นความผิดทางอาญาอันยอมความกันได้ แต่ผิดสัญญาเป็นความรับผิดทางแพ่ง
ปรึกษาทนายคดีฉ้อโกงโทร 0838843287